ลักษณะ
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ทรุงพุ่มลำต้นสูงได้ถึง 10 เมตร
ลำต้นมาเปลือกหนาและขุขระ
มีรอยแตกเป็นร่องตื้นตามยาวลงมา
ใบประกอบรูปขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปรีออกตรงกันข้าม ใบอ่อนมีสีเขียวปนน้ำตาล ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อแยกแขนงอยู่ตรงซอกใบ มีสีเหลือง
ผลเป็นฝักแบน เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาลดำ ฝักบิดงอ
ฝักหนึ่งมีเมล็ด 10
– 30 เมล็ด
ขี้เหล็กเป็นพืชเมืองร้อน เช่น
ไทย ลาว ศรีลังกา
มาเลเซีย
ขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ทุ่งนา ป่าเขา
อยู่ตามวัดชนบท สวน ในไร่
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดจนได้ต้องกล้าสู่ประมาณ 30 ซม.
แล้วจึงนำไปใสหลุมที่ขุดเตรียมไว้ กว้าง
ยาว ลึก 50 ซม. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เอาดินกลบหลุม
รดน้ำให้ชุ่มในช่วงแรกเท่านั้น
ควรปลูกต้นฤดูฝน ปลูกขึ้นได้ง่ายในดินทั่วไป ทนแดดทนแล้งได้ดี
ใช้เป็นอาการ
ยอดและใบอ่อน ดอกอ่อน
ใช้แกงกับกะทิใส่น้ำใบย่านางเพิ่มรสชาติเรียกว่าแกงขี้เหล็กกับไก่ ปลา
หมู
เนื้อสัตว์อย่างอื่นได้ด้วย
หรือไม่ใส่กะทิเป็นแกงขี้เหล็กทางอีสาน
ก่อนแกงต้นต้มใบอ่อนและดอกด้วยน้ำเปล่าหลายๆครั้ง และบีบเอาน้ำออกเพื่อเอารสขมออก และแน่นอนว่าสารอาหารจะถูกกำจัดออกไปด้วย บางท้องถิ่นเอาไปทำเป็นผักลวกจิ้มน้ำพริก
คุณประโยชน์
ใบมีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีนและวิตามินซีสูง มีสารแอนทราควิโนนในใบ และดอกอ่อนใช้เป็นยาระบายพร้อมทั้งมีเส้นใยมากด้วย สารอัลคาลอยด์ในใบแก้โรคนอนไม่หลับเพราะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางให้สงบโดยไม่มีอันตรายต่อร่างกาย และรสขมของขี้เหล็กช่วยเจริญอาหาร
คนในสมัยการใช้ขี้เหล็กเป็นยารักษาดังต่อไปนี้
ใบสดตำพอกแก้เหน็บชา ใบสด 5 กำมือต้มกับน้ำพอท่วมให้เดือด
30 นาที
ดื่มก่อนนอนช่วยแก้อาการท้องผูก
วิธีการแก้อาการนอนไม่หลับคือต้องดื่มน้ำต้มกับใบขีเหล็กตอนก่อนนอนเหมือนกับการดื่มแก้ท้องผูก หากกินในแบบแกงขี้เหล็กนั้นความขมถูกต้มและบีบออกไม่มาก สารแอนมราควิโนนและสารอัลคาลอยด์เหลืออยู่ไม่มาก หวังจะแก้โรคคงไม่ดีแน่ แถมกะทิด้วยจะทำให้อ้วน
ดอกเป็นยาระบาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารแอนทราควิโนนและสารอัลคาลอยด์
ช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร รักษารักแค
โรคหืด ขับพยาธิ
เปลือกลำต้น
เป็นยาแก้รักษาโรคริดสีดวงทวาร
โรคหิดที่อาศัยตามลำตัว
เป็นส่วยผสมของยาแก้ลม อัมพฤกษ์
แก่น
ใช้รักษาโรคเบาหวาน โรคหนองใน
โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน
ขับด้วยน้ำคาวปลา
ขับประจำเดือน
เป็นส่วนผสมของยารักษามะเร็ง
วัณโรค โรคผิวหนังและยาอื่นๆ
ราก ใช้แก้ไอ ไข้กลับ รักษาโรคเหน็บชา เป็นส่วนผสมของยาแก้ปวดกระดูก อัมพฤกษ์ แก้ฟกช้ำดำเขียว
No comments:
Post a Comment