Thursday, December 4, 2014

สรรพคุณในการรักษาโรค ของบอระเพ็ด


                บอระเพ็ด เป็นพืชสมุนไพรไทย ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักกันดี เนื่องจากบอระเพ็ดเป็นสมุนไพร ที่คนไทยนิยมนำมาทำเป็นยารักษาโรคต่างๆมาอย่างช้านาน และยังนิยมนำมาทำเป็นแชมพูรักษารังแคอีกด้วย โดยบอระเพ็ดนั้น จะมีรสชาติที่ขมมาก การจะทานเปล่าๆคงเป็นไปได้ยากมากทีเดียว จึงมีการนำบอระเพ็ด มาผสมกับน้ำผึ้ง หรือไม่ก็ใส่ในอาหาร เพื่อให้ทานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง โดยสรรพคุณในการรักษาโรคของบอระเพ็ด มีดังนี้

                1. แก้หวัด ลดไข้
                     บอระเพ็ด สามารถนำมาทานเพื่อลดไข้ และลดอาการตัวร้อนจัดได้ดี โดยเฉพาะอาการไข้ในเด็ก อีกทั้งบอระเพ็ด ยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายของคุณได้อีกด้วย
                2. รักษาริดสีดวง
                     ในคนที่เป็นริดสีดวง ให้นำใบของบอระเพ็ดมาโขลกให้ละเอียดและนำไปพอกไว้ตรงติ่งริดสีดวงที่ยื่นออกมาจากทวารหนัก หรือจะคั้นเอาแต่น้ำของใบบอระเพ็ด มาทาริดสีดวงก็ได้ แต่จะต้องทาเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด และเพื่อให้ริดสีดวงหายเร็วขึ้นนั่นเอง
                3. ลดน้ำตาลในเลือด
                     บอระเพ็ด มีส่วนช่วยในการลดน้ำตาลในเลือดได้ดี จึงเหมาะที่จะนำมาทานเพื่อรักษาโรคเบาหวาน และป้องกันโรคเบาหวานมากทีเดียว

                บอระเพ็ด เป็นพืชสมุนไพร ที่มีสรรพคุณมากมาย ถึงแม้ว่าจะมีรสชาติขมไปหน่อย แต่ก็เป็นดั่งคำโบราณที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา นั่นเอง

Wednesday, December 3, 2014

รักษาแผลอักเสบ ด้วยว่านหางจระเข้


                ว่านหางจระเข้ เป็นพืชสมุนไพร ที่มีสรรพคุณในการรักษาอาการอักเสบของผิวหนังได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก ส่วนที่เป็นวุ้นของว่านหางจระเข้นั้น จะมีสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถลดการอักเสบได้ คนส่วนใหญ่ จึงนิยมนำวุ้นของว่านหางจระเข้ มารักษาแผลอักเสบของผิวหนัง หรือโรคทางผิวหนังต่างๆ เช่น แผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ หรือแผลเรื้อรัง เป็นต้น โดยการรักษานั้น จะนำว่านหางจระเข้ มาปลอกเปลือกออก แล้วเอาเฉพาะวุ้นใสๆที่อยู่ส่วนล่างสุดของว่านหางจระเข้มาล้างยางสีเหลืองออกให้หมด จากนั้น นำวุ้นใสๆที่ได้ มาพอกลงบนแผล เป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดอาการอักเสบ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นนั่นเอง       
   
                แต่การใช้ว่านหางจระเข้ รักษาแผลอักเสบที่ผิวหนังนั้น อาจจะทำให้เกิดการแพ้ได้ ดังนั้น ก่อนใช้ว่านหางจระเข้ทุกครั้ง คุณควรทดสอบก่อนว่าผิวของคุณแพ้หรือไม่ โดยให้ลองนำวุ้นของว่านหางจระเข้ มาทาบริเวณท้องแขน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณก็จะสามารถรักษาอาการอักเสบของผิวหนังด้วยว่านหางจระเข้ได้ตามปกติ แต่หากคุณแพ้ คุณควรหยุดใช้ว่านหางจระเข้ทันที และปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องนั่นเอง


                นอกจากรักษา แผลอักเสบแล้ว ว่านหางจระเข้ยังสามารถนำมารักษาโรคอื่นๆได้อีกด้วย เช่น โรคท้องผูก แน่นท้อง เป็นต้น 

Monday, December 1, 2014

มะกรูด


                มะกรูด เป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มักจะมีอยู่แทบทุกครัวเรือน เนื่องจากมะกรูดนั้น มีประโยชน์และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการทำอาหารเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาหารที่มีกลิ่นคาว เพราะมะกรูด จะช่วยในการดับกลิ่นคาวได้ดีนั่นเอง และยังช่วยให้อาหารมีรสชาติที่อร่อยมากขึ้นอีกด้วย แต่นอกจากประโยชน์ในการปรุงอาหารแล้ว มะกรูดยังเป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นใบ ผิว ราก หรือผล ก็ตาม

                1. ใบมะกรูด
                     ใบมะกรูด สามารถนำมาทานเพื่อขับลมได้ดี จึงไม่ทำให้รู้สึกแน่นท้อง และไม่ทำให้อึดอัดท้องอีกด้วย อีกทั้งใบมะกรูด ยังมีกลิ่นหอม นำมาสูดดมเพื่อผ่อนคลาย และแก้อาการคัดจมูกได้ดีมากทีเดียว
                2. ผิวมะกรูด
                     ผิวมะกรูด นำมาทำเป็นยาขับลมและแก้อาการจุกเสียดได้ดี อีกทั้ง ยังช่วยลดอาการแน่นท้อง และยังช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
                3. รากมะกรูด
                     รากมะกรูด นิยมนำมาทำเป็นยาเพื่อถอนพิษ หรือแก้อาการปวดท้อง ซึ่งจะนำรากมะกรูดมาต้ม และคั้นเอาแต่น้ำมาดื่ม จะช่วยถอนพิษในร่างกายได้เป็นอย่างดี
                4. ผลมะกรูด

                     ผลมะกรูด นำมาทานเพื่อบำรุงโลหิตในคนที่เป็นโลหิตจาง หรือคนที่เสียเลือดมากได้ดี และยังช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย

Tuesday, November 25, 2014

ประโยชน์น่ารู้ของ มะนาว


                มะนาว พืชสมุนไพรที่มีรสชาติเปรี้ยวจี๊ด เป็นสมุนไพรที่เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณในการรักษาโรคอย่างมากมายทีเดียว เพราะในมะนาวนั้น จะมีวิตามิน และแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเป็นจำนวนมาก จึงสามารถนำมารักษาโรคต่างๆได้ดี โดยสรรพคุณของมะนาว มีดังนี้
                1. ลดอาการเลือดออกในฟัน และบรรเทาอาการไอ
                     มะนาว เป็นพืชสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง จึงช่วยลดอาการเลือดออกในฟันและบรรเทาอาการไอได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมะนาวยังช่วยป้องกันเหงือกอักเสบ และขับพยาธิได้ดีอีกด้วย  คนที่มักจะทานมะนาวบ่อยๆ จึงไม่ค่อยมีอาการปวดฟัน ปวดเหงือก หรือปวดท้อง เหมือนคนอื่นๆ และยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วยนะคะ
                2. สลายนิ่วไนไต
                     เนื่องจากในมะนาวนั้น จะมีกรดที่เรียกว่า กรดซิตริค กรดมาลิค และกรดแอสคอร์บิกอยู่ ซึ่งกรดสามชนิดนี้ จะมีส่วนช่วยในการขับสารพิษ และสลายนิ่วไนไตได้เป็นอย่างดี คนที่เป็นนิ่วในไต จึงควรทานมะนาวและดื่มน้ำมะนาวให้มากๆ เพื่อรักษาอาการนิ่วไนไตนั่นเอง
                เห็นไหมว่า มะนาว เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณและประโยชน์มากมายขนาดไหน ไม่เพียงแต่ที่กล่าวมาเท่านั้น แต่มะนาวยังเป็นพืชสมุนไพร ที่สามารถช่วยในการลดความอ้วน รักษาตาแดง และรักษาอาการไข้หวัดได้อีกด้วย 

Friday, November 21, 2014

ประโยชน์ของชะพลู


                ชะพลู เป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มักจะขึ้นเองตามใต้ต้นไม้ใหญ่ต่างๆ โดยใบชะพลูนั้น จะมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ มีรสเผ็ดร้อน เหมาะที่จะนำมาทานกับลาบ ก้อย และน้ำตกมากทีเดียว นอกจากนี้ใบชะพลู ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงผิวให้ขาวใส หรือการรักษาโรค และยังบรรเทาอาการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้อีกด้วย โดยประโยชน์ในด้านของการรักษาโรคของชะพลู มีดังนี้
                1. รักษาโรคเบาหวาน
                     เบาหวาน นับว่าเป็นโรคยอดฮิตของคนไทยเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือคนอ้วนนั่นเอง โดยการรักษาโรคเบาหวานนั้น จะไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่จะสามารถบรรเทาอาการให้ทุเลาลงได้ โดยการทานยาที่แพทย์สั่ง แต่การทานยาอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้น เพื่อรักษาโรคเบาหวาน จึงต้องทานใบชะพลูควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การรักษาได้ผลมากที่สุดนั่นเอง
                2. รักษาโรคอื่นที่ไม่ร้ายแรง
                     ใบชะพลู สามารถนำทานเพื่อรักษาโรคต่างๆ ที่มีอาการไม่รุนแรงได้ดี เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคบิด หรือนำมาทานเพื่อขับลม เป็นต้น โดยอาจจะทานสดๆ หรือนำมาประกอบอาหารก็ได้
                3. บรรเทาอาการปวด จากแมลงสัตว์กัดต่อย

                     ชะพลู มีส่วนช่วยในการลดอาการอักเสบ และแก้พิษของสัตว์ได้ดี ดังนั้นหากโดนแมลงสัตว์กัดต่อย แล้วมีอาการปวดบวมมาก ให้นำใบชะพลูสดๆ มาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำน้ำที่ได้จากใบชะพลู มาทาให้ทั่วบริเวณที่โดนกัด จะช่วยบรรเทาอาการอาการปวดได้ดีมากทีเดียว

Tuesday, November 18, 2014

ตำลึง สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน


                ตำลึง เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ที่มีลักษณะเป็นเถาเลื้อย โดยจะเลื้อยอยู่ตามรั้วบ้าน หรือตามต้นไม้ต้นอื่นๆ ซึ่งตำลึงนั้น จะมีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรืออาการท้องอืด อีกทั้ง ยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวานได้ดีอีกด้วย เนื่องจากน้ำที่คั้นได้จากส่วนต่างๆของตำลึงนั้น มีฤทธ์ในการลดน้ำตาลในเลือดของคนเราได้เป็นอย่างดี  จึงสามารถนำมารักษาโรคเบาหวานได้นั่นเอง โดยการนำตำลึงมารักษาโรคเบาหวานนั้น จะมีสูตรดังนี้

                1. เตรียมส่วนประกอบให้ครบ ซึ่งจะมี ใบตำลึง น้ำเชื่อม น้ำมะนาว น้ำเปล่าที่ต้มสุกแล้ว และเกลือป่น โดยมีอัตราส่วน  20:30:10:100:1 กรัม ตามลำดับ
                2. นำใบตำลึง ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาตั้งพักน้ำไว้
                3. นำใบตำลึงกับน้ำต้มสุก ไปปั่นจนละเอียด แล้วกรองเอาแต่น้ำตำลึงที่ได้
                4. นำน้ำตำลึงที่ได้ มาผสมกับส่วนประกอบอื่นๆที่เตรียมไว้ และนำมาดื่มได้เลย
                5. ดื่มน้ำตำลึง เป็นประจำทุกวัน เช้า-เย็น จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย

                เบาหวาน อาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การดื่มน้ำตำลึงมากๆ ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการ และช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้นได้ดีทีเดียว อีกทั้งยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย

ขมิ้นชัน พืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์


                ขมิ้นชัน เป็นพืชสมุนไพรที่หาได้ง่ายตามครัวเรือน เนื่องจาก เป็นพืชที่มีสรรพคุณมากมาย และยังเป็นพืชสมุนไพรที่มีมาอย่างช้านานอีกด้วย โดยขมิ้นชันนั้น มักจะถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร เพื่อให้อาหารมีรสชาติที่อร่อยมากขึ้น และยังเพิ่มสีสันให้อาหารดูน่าทานมากขึ้นอีกด้วย แต่นอกจากจะนำขมิ้นชันมาทำอาหารแล้ว ขมิ้นชันยังสามารถนำมาทานเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย โดยสรรพคุณในการรักษาโรคของขมิ้นชัน มีดังนี้

                1. รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
                     ขมิ้นชัน มีสรรพคุณในการสมานแผลได้ดี จึงสามารถนำมารักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ โดยการนำขมิ้นชันมารักษาแผลในกระเพราะอาหารนั้น อาจจะนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร หรือนำมาทำเป็นยาแล้วทานก็ได้ นอกจากนี้ การทานขมิ้นชันบ่อยๆ ยังช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย นะคะ
                2. รักษาอาการท้องเสีย
                     ขมิ้นชัน สามารถนำมารักษาอาการท้องเสียได้ดี เนื่องจากในขมิ้นชันนั้น มีสารชนิดหนึ่งที่สามารถกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการท้องเสียได้ คนสมัยก่อน จึงนิยมนำขมิ้นชันมาทำเป็นยาลูกกลอน เพื่อรักษาอาการท้องเสียนั่นเอง
                3. ต้านการเกิดมะเร็ง
                     ขมิ้นชัน สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้ดี เพียงแค่คุณทานขมิ้นชันบ่อยๆ คุณก็จะห่างไกลจากโรคมะเร็งร้ายแล้วล่ะค่ะ

                ขมิ้นชัน นอกจากนำมาปรุงอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคอย่างมากมายอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว ต้องทานขมิ้นชันกันให้มากๆแล้วล่ะค่ะ

Friday, November 14, 2014

กลากเกลื่อน รักษาง่ายๆ ด้วยกระเทียม


                กลากเกลื้อน เป็นโรคที่สร้างความทรมาน และความรำคาญให้กับคนเรามากทีเดียว อีกทั้งยังเป็นโรคที่มักจะหายช้า และยังอาจจะลุกลามได้อีกด้วย โดยการรักษากลากเกลื้อนนั้น ในทางแพทย์ จะให้ใช้ยาทารักษากลากเกลื้อนและยากินเพื่อฆ่าเชื้อควบคู่ไปด้วย ซึ่งก็จะมีราคาแพงมากทีเดียว แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การรักษากลากเกลื้อนให้หายนั้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาที่มีราคาแพงเลย เพียงแค่ใช้วิธีบ้านๆ รักษากลากเกลื้อนด้วยกระเทียม กลากเกลื้อนก็จะหายไปอย่างแน่นอนค่ะ

                กระเทียม เป็นพืชสมุนไพร ที่มีฤทธิ์รักษาอาการอักเสบ และฆ่าเชื้อได้เป็นอย่างดี จึงมีการนำกระเทียมมารักษากลากเกลื้อน โดยทุบกระเทียมให้ละเอียด แล้วนำมาพอกตรงผิวหนังที่เป็นกลากเกลื้อน หรืออาจจะนำกระเทียมมาปั่นแล้วคั้นเอาแต่น้ำกระเทียมก็ได้ แล้วนำกระเทียมที่ได้นั้น มาทาตรงบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนบางๆ ทำเป็นประจำ จะช่วยลดอาการคัน และช่วยให้กลากเกลื้อนค่อยๆหายไปในที่สุดค่ะ


                กระเทียม นอกจากนำมารักษากลากเกลื้อนให้หายแล้ว ยังสามารถนำมารักษาโรคผิวหนังอื่นๆที่เกิดจากเชื้อราได้ดีอีกด้วย อีกทั้งยังมีราคาไม่แพง หาง่าย และยังมีสรรพคุณในการรักษากลากเกลื้อนให้หายได้ไม่แพ้ยาแพทย์แผนปัจจุบันเลยล่ะ

Thursday, November 13, 2014

กระเพรา พืชสมุนไพรยอดนิยม


                กระเพรา เป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มีประโยชน์มากมาย และยังนิยมนำมาปรุงอาหารมากที่สุดอีกด้วย เพราะกระเพรานั้น มีกลิ่นหอม จึงช่วยให้อาหารมีกลิ่นและรสชาติที่น่าทานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยดับกลิ่นคาวในอาหารได้ดีมากทีเดียว นอกจากนี้ กระเพรายังมีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆอีกมากมาย โดยสรรพคุณของกระเพรา มีดังนี้
                1. แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
                     ใบกระเพรา สามารถนำมาทานเพื่อแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดี โดยให้นำใบกระเพรามาต้มให้เดือด และคั้นเอาแต่น้ำ มาดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้องได้ นอกจากนี้ใบกระเพรายังสามารถนำมาใช้รักษาอาการปวดท้องในเด็กได้อีกด้วย โดยให้นำใบกระเพรามาโขลกให้ละเอียด แล้วเอาน้ำมาผสมกับมหาหิงส์ ทาให้ทั่วรอบๆสะดือเด็ก จะช่วยลดอาการปวดท้องในเด็กได้ดี
                2. แก้โรคธาตุพิการ
                     รากของกระเพรา สามารถนำมาทำเป็นยาแก้โรคธาตุพิการได้ดี โดยให้นำรากกระเพรามาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง เมื่อรากกระเพราแห้งดีแล้ว ให้นำมาต้มกับน้ำให้เดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม จะช่วยรักษาโรคธาตุพิการได้ดีมากทีเดียว

                กระเพรา เป็นพืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์ ที่สามารถนำมาแก้โรคได้หลายโรค ซึ่งนอกจากที่กล่าวมาแล้ว กระเพรายังสามารถนำมารักษากลากเกลื้อน ขับเสมหะ และยังนำมารักษาโรคผิวหนังต่างๆที่เกิดจากเชื้อราได้อีกด้วย

Wednesday, November 12, 2014

กุ่มบก


ลักษณะ

ไม้ยืนต้นขนาดกลาง  สูงประมาณ 10 เมตร  ลำต้นสีเทามีเปลือกหนา  แตกกิ่งต่ำ  แผ่กิ่งก้านใบกว้างออกคล้ายต้นกล้าปู  ใบประกอบแบบนิ้วมือมีใบย่อย 3 ใบ เป็นรูปไข่กว้าง 5 ซม. ยาว 8 ซม. ออกดอกเป็นช่อสีขาวอมเขียวก่อนแล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนหรือชมพูอ่อน ออกดอกสะพรั่งสวยงาม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผลกลมขนาดประมาณ 3 ซม.เปลือกสีเขียวมีจุดแต้มสีน้ำตาลแดง มีเมล็ดรูปเกือกม้าอยู่ภายใน
พบได้ตามธรรมชาติในป่าดอนภาคกลาง ภาคใต้ ดินทรายก็ขึ้นได้ถือว่าเป็นไม้มงคลเสริมความสามัคคีเช่นเดียวกับกุ่มน้ำ ขยายพันธุ์ด้วยการเพราะเมล็ดให้ได้ต้นอ่อน ปักชำให้รากงอก แล้วจึงปลูกลงหลุม และใช้การตอนกิ่งก็ได้ แล้วแต่จะสะดวก

ใช้เป็นอาหาร

                เช่นเดียวกับกุ่มน้ำ เรากินยอดอ่อน ใบอ่อน ช่อดอกอ่อน ซึ่งผลิดอกมากช่วงฤดูฝน  ชาวบ้านใช้เป็นผักกินโดยการเอาไปดองเสียก่อน แล้วจึงทำเป็นผักจิ้มน้ำพริก ขนมจีนน้ำยา กินกับอาหารรสจัด หรือเอาผักดอกนี้ไปผัดไปแกง ชาวบ้านนิยมเอากุ่มบกไปแกงคล้ายขี้เหล็ก คือต้นกับน้ำแล้วบีบเอาความขมออกไป ต้มประมาณ 2 ครั้ง ก่อนจะแกงโดยไม่ใส่ใบย่านาง

คุณประโยชน์

                สรรพคุณ ใบสดตำละเอียดพอกแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน
                                เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำแก้โรคปวดท้อง
                                รากแช่น้ำดื่มแก้ปวดท้อง
                                เนื้อไม้ต้มดื่มแก้ริดสีดวงทวาร

Wednesday, November 5, 2014

กระเจี๊ยบแดง รักษาโรค


                กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่ใช้ใบในการรักษาโรคต่างๆได้ดี โดยใบหรือกลีบเลี้ยงของกระเจี๊ยบแดงนั้น จะมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่น สารแอนโทไซยานิน สารไฮบิสซิน และสารไฮบิสซีทีน เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ จะมีส่วนช่วยในการรักษาโรคได้ดี และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย

                คนส่วนใหญ่ มักจะนำกระเจี๊ยบแดง มาทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มเพื่อคลายร้อน และมักจะนำมาเป็นสีผสมอาหารต่างๆ เพราะการทานกระเจี๊ยบแดงมากๆนั้น จะช่วยรักษาโรคได้มากมาย เช่น ความดันโลหิต โรคนิ่ว และทางเดินปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น ซึ่งการทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มหรือทำเป็นสีผสมอาหาร จะช่วยให้คุณทานกระเจี๊ยบแดงได้มากขึ้น และยังทำให้กระเจี๊ยบแดง มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้สูงอีกด้วย


                กระเจี๊ยบแดง นอกจากจะรักษาโรคได้ดีแล้ว ยังสามารถนำมาทานเพื่อป้องกันโรค และนำมาเสริมความงามได้เป็นอย่างดี โดยการเสริมความงามนั้น จะนำกระเจี๊ยบแดงมาทำเป็นครีมพอกหน้า โดยหากพอกเป็นประจำ จะช่วยให้ใบหน้าของคุณมีความขาวเนียนใส และเนียนนุ่มมากทีเดียวเลยล่ะ รู้อย่างนี้แล้ว เรามาทานกระเจี๊ยบแดงเพื่อรักษาสุขภาพ และบำรุงผิวหน้าให้ขาวใสด้วยกระเจี๊ยบแดงกันดีกว่าค่ะ รับรองว่าได้ผลจริง และยังปลอดภัยอีกด้วยนะคะ

Tuesday, November 4, 2014

กระเจี๊ยบมอญ


ลักษณะ

                เป็นไม้ล้มลุกอายุประมาณ 1 ปี ลำต้นสูงราว 2 เมตร เป็นพุ่มเตี้ยมีกิ่งก้านเล็ก ใบเดี่ยวขนาดใหญ่ สีเขียว แผ่นใบเว้าแฉกลึก มีขอบหยักหลายแบบ  ก้านใบยาวสีเขียว มีขนปกคลุม มีดอกเดี่ยวขนาดใหญ่สีเหลืองออกดอกสวยงามอยู่ตรงซอกใบ ใจกลางดอกเป็นสีม่วง บานสะพรั่งเต็มต้น ผลเป็นเหลี่ยมยาวรีสีเขียว ปลายแหลม ฝักยาว 3 – 6 นิ้ว 

                การปลูกกระเจี๊ยบมอญควรทำในฤดูฝนซึ่งมีฝนตกอยู่บ้าง  ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วน ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ก้นหลุม  หยอดเมล็ดพันธุ์ลงไป 3 – 5 เมล็ดต่อหลุม  กลบดินรดน้ำให้ชุ่มในช่วงแรก ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์  จะมีต้นกล้าให้เลือกถอนต้นที่ไม่แข็งแรงออกไป  เหลือไว้เพียง 1 – 2 ต่อหลุม ระวังเพลียจักจั่นมารบกวน

ใช้เป็นอาหาร

                ใบอ่อน ยอดอ่อน  ผลอ่อนสีเขียว นำมาแกงส้มใส่ผักหลายชนิดรวมกัน นำมาต้มส้ม มีรสออกเปรี้ยว ดอกอ่อนนิยมเป็นผักจิ้มน้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกปลาทูและน้ำพริกอื่นๆ บางท้องถิ่นนิยมเผาผลอ่อนกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก เวลาประกอบอาหารควรล้างให้สะอาดก่อนจะตัดหรือหั่น หั่นแล้วจะมีเมือกลื่นออกมามาก ล้างออกยาก

คุณประโยชน์


                ผลกระเจี๊ยบมอญมีสารกลูตาไธโอน ช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง  มีสารเมื่อกลื่นเส้นใยสูงช่วยระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ แก้ปัญหาท้องผูก มีส่วนช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลและไขมันในเส้นเลือด มีวิตามินซีสูงช่วยลดอาการหวัดซึ่งจะได้ผลเมื่อกินสด  แคลเซียมสูงช่วยบำรุงกระดูกและฟัน สรรพคุณทางยา ผลแห้งตำบดละเอียดชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคแผลในกระเพาะอาหาร

Wednesday, October 22, 2014

กระถิน



ลักษณะ

                เป็นไม้พุ่มมีตั้งแต่ลำต้นขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่  สูงได้ถึง 10 เมตร  ใบกระถินเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้นเรียงสลับ  แกนกลางใบประกอบยาว 10 – 20 ซม.  ใบย่อยมีขนาดเล็กสีเขียวปลายแหลม  โคนเบี้ยว ท้องใบสีนวล ออกดอกสีขาวเป็นช่อกระจุกตรงง่ามใบ  1 – 3 ช่อ ฝักแบนปลายแหลม  ยาวประมาณ 5 – 6 นิ้ว  ฝักมีสีเขียวมองเห็นเมล็ดข้างใน  มีเมล็ดเรียงแถวเดี่ยว  เมล็ดอ่อนสีเขียวเมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล 

                ต้นกระถินชอบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติโดยทั่วไป ในสวน ทุ่งนา  ป่าเขา ทนแดดทนแล้งได้ดี  นิยมปลูกต้นขนาดเล็กไว้เป็นรั้วบ้านด้วยรูปทรงที่สูงเพรียวตัดแต่งกิ่งให้เป็นเหมือนรั้ว  และเด็ดยอดเก็บฝักมากินได้ทุกวัน  ถือว่าเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง  สามารถขับไล่เสนียดจัญไร  ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและปักชำ  เจริญเติบโตเร็วโดยเฉพาะฤดูฝนที่มีน้ำเพียงพอ

ใช้เป็นอาหาร

                ฝักอ่อน   เมล็ดอ่อน  และยอดอ่อน  ใช้เป็นอาหาร  ทั้งหมดนั้นมีรสชาติฝาดอมหวาน  ฝักอ่อนนิยมกินกับขนมจีนน้ำยา  ฝักและยอดอ่อนนิยมกินสดๆกับน้ำพริกต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกปลาทู  ปลาร้า  น้ำพริกหนุ่ม  แจ่วบอง  หรือหลนก็เข้ากันได้ดีมาก  รวมทั้งเป็นผักเหนาะกินกับส้มตำ ตำแตงร้าน  แตงกวา  ทางภาคใต้นิยมกินกับแกงผัด  แกงไตปลา  เพื่อที่จะบรรเทารสชาติเผ็ดร้อน  เมล็ดกระถินมีรสชาติมันใช้เป็นผักในข้าวยำอาหารถิ่นปักษ์ใต้ 

คุณประโยชน์

                เมล็ดแก่แข็ง  เอามาทำเป็นเครื่องประดับจำพวกสร้อยข้อมือ  สร้อยคอ เข็มกลัค ใบแก่ของกระถินนำมาเลี้ยงวัว ควาย เลี้ยงหมูได้  นำมาทำปุ๋ยหมัก ทำปุ๋ยชีวภาพ

                ยอดและฝักอ่อน  มีวิตามินสูงช่วยบำรุงสายตา  มีเส้นใยมากช่วยแก้ท้องผูก  มีโปรตีนสูงช่วยซ่อมแซมเซลล์  บำรุงร่างกาย มีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมกระดูกและฟัน

                ราก มีรสจืดเฝื่อน ใช้ขับระดูขาว ขับลมแก้ท้องอืด แก้ท้องร่วงอาเจียน

                ลำต้น  ใช้สมานแผล  ห้ามเลือด  แก้ท้องร่วง

                ใบอ่อน  กินบำรุงร่างกาย  มีสารแทนนิน สารอัลคาลอยด์ สารเควอ

                ดอก  มีรสมัน  กินบำรุงตับดี  แก้เกล็ดกระดี่ที่ดวงตา


                เมล็ด  มีกรดไขมันและสารอัลคาลอยด์ ใช้ขับพยาธิตัวกลม  โดยเด็กกินเมล็ด 5 – 20 กรัม  ในตอนเช้าตอนท้องว่าง  ติดต่อกัน 3 – 5 วัน  ในผู้ใหญ่ใช้ปริมาณมากขึ้น  25 – 50 กรัม  แล้วแต่น้ำหนักตัว  วิธีการใช้เช่นเดียวกัน

Friday, October 17, 2014

กระชาย


ลักษณะ


                เป็นไม้ล้มลุก  สูงประมาณหัวเข่า  ใบเดี่ยวสี่เขียวยาวรีเรียงสลับตรงกันข้าม  กาบใบสีแดง ออกดอกสีขาวหรือสีชมพูอ่อนเป็นช่อที่ยอด  ช่อดอกมีใบประดับเรียงทแยง มองเห็นดอกอยู่ตรงระหว่างกาบใบ  แต่ออกไม่บ่อยนัก  ส่วนหัวหรือเรียกว่าเหง้ากระชายอยู่ใต้ดิน  เหง้ามีรากติดเป็นกระจุกลักษณะเรียวแหลมกระจายออก  แต่ละรากจะมีส่วนตรงกลางใหญ่กว่าส่วนหัวท้าย  บางครั้งรากเป็นทรงกระบอก รากที่แก่แล้วจะมีผิวสีน้ำตาลอ่อน  เนื้อในสีเหลือง  กระชายโตเร็วมีอายุยืนหลายปี  มีหลากหลายพันธุ์คือ กระชายเหลือง  กระชายดำ  และการชายแดง  ส่วนของเหง้าและรากอยู่ใต้ดินได้นานหลายเดือนแม้ว่าส่วนลำต้นจะร่วงโรยไปแล้ว          
                กระชายชอบดินร่วนปนทราย  ไม่ชอบน้ำขัง  ปลูกขึ้นได้ง่าย  ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ    ตัดเอาใบทิ้งไปเหลือเพียงต้นกับราก  2 – 3 ราก  เอาไปลงหลุมลึก 10 – 15 ซม. กลบดินที่ผสมปุ๋ยคอก  รดน้ำให้ชุ่มในระยะแรก  หากอากาศร้อนไม่ค่อยชุ่มชื้นควรหาฟางมาคลุมไว้ก่อน หรือปลูกใต้เงาต้นไม้ใหญ่  กระชายโตง่ายไม่ค่อยจะมีโรคหรือแมลงมารบกวน

ใช้เป็นอาหาร


                เหง้าและรากมีฤทธิ์เผ็ดร้อน  กลิ่นหอม นิยมใช้เฉพาะเหง้าของกระชายเหลืองเป็นเครื่องเทศปรุงรสในอาหารจำพวกแกงป่าทุกอย่าง แกงกะทิน้ำยาขนมจีน  ตำแหลกใส่น้ำพริกแกงส้ม  ใส่แกงเลียง  หั่นเป็นชิ้นเล็กยางใส่ผัดเผ็ดต่างๆ เพื่อดับกลิ่นคาวและให้กลิ่นหอมกับรสเผ็ด  เป็นเครื่องปรุงในห่อหมกปลา  ห่อหมกหน่อไม้  ทำน้ำกระชายสำหรับดื่มแก้กระหาย  ทำไวน์กระชาย  ทำเชื่อมเป็นของว่างสมุนไพรและอื่นๆอีกมากมาย

คุณประโยชน์


                ทั้งส่วนราก เหง้าและลำต้นประกอบด้วยสารระเหย  เหง้าจะมีน้ำมันระเหยอยู่น้อยประมาณ 0.08 เช่น alpinetin,pinocembin,cardmonin,boesenberign A ,pinostrobin แต่ในส่วนรากยังพบสาร chavicinic acid ด้วย  สารเหล่านี้มีฤทธิ์ขับลมในระบบทางเดินอาหาร  ยังช่วยยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียได้หลายชนิด  ช่วยเจริญอาหาร  นอกจากนี้แร่ธาตุต่างๆ  เช่น แคลเซียม  เหล็ก  วิตามินเอก็มีในเหง้าและรากอยู่ไม่น้อย

                เหง้ากระชายช่วยรักษาโรคบิด  แก้ปวดมวนท้อง  ท้องอืดเฟ้อ  ท้องเสียชนิดไม่รุนแรง แก้โรคปากเปื่อย  ปากแห้ง และขับปัสสาวะ  ด้วยการนำเหง้าและรากครึ่งกำมือต้มกับน้ำพอท่วม  ดื่มครั้งละ 1 แก้ว


                บำรุงกำลังและสมรรถภาพทางเพศ โดยเฉพาะกระชายดำ  วิธีการทำเพื่อดื่มรักษาโรคนั้นทำโดยใช้เหง้าสด 2 เหง้า  บดให้ละเอียด  เติมน้ำปูนใสคั้นเอาแต่น้ำมาดื่ม  หรือทุบรากพอแหลกแล้วนำไปต้มน้ำดื่มร้อนๆหรือทำเป็นกระชายแห้งบดเป็นผงสำหรับกินเป็นชาร้อนก็ได้